

ดอลลี่อาย (Dolly eyes) เป็นเทรนความงามอย่างหนึ่งที่หลายๆคนให้ความสน เนื่องจากสามารถช่วยให้ดวงตาของคุณมีความสวยงาม ดูน่ารัก สดใส กลมโต ดูหวาน ในแบบฉบับของสาวเกาหลี แต่ก็มีหลายคนที่สับสนคิดว่าการมีถุงใต้ตาคือ ดอลลี่อาย (Dolly eyes) เนื่องจากอยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกัน จึงทำให้ยังแยกไม่ออกว่าดอลลี่อายกับถุงใต้ตาว่ามีความแต่งกันอย่างไร
ดอลลี่อาย (Dolly Eyes, Love Bands, หรือ Aegyo sal) คือ กล้ามเนื้อบริเวณขอบตาล่างในส่วน Orbicularis Oculi ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อส่วนที่อยู่รอบดวงตา มีลักษณะโค้งนูนออกมาบริเวณใต้ตา ติดกับแนวขนตา มักจะนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเวลายิ้มหรือหัวเราะ ดังนั้นการมีดอลลี่อายจึงทำให้ใบหน้าดูเด็กลง ซึ่งเป็นเทรนด์ความงามที่มาจากประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น ที่เสริมให้ใต้ตา เหมือนตุ๊กตา ดูสดใส่น่ารัก
Dolly eyes หรือ Love band จะเป็นลักษณะของขอบตาล่างที่ดูตุ่ยๆ เหมือนตุ๊กตา ช่วยเพิ่มใบหน้าดูสดใสอ่อนเยาว์ขึ้น ซึ่งดอลลี่อายเกิดขึ้นได้ 2 แบบ ได้แก่
มีหลายคนที่เข้าใจผิดว่าดอลลี่อาย(dolly eye) กับถุงใต้ตาเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วทั้ง 2 อย่างนี้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ดอลลี่อาย(dolly eye) เป็นกล้ามเนื้อรองรับขอบตาล่าง (obicularis rolls) มีลักษณะผิวหนังโค้งนูนออกมาบริเวณใต้ตา ดูตึงกระชับและเป็นขอบชัดเจนติดกับแนวขนตาซึ่งเป็นเทรนด์ความงามจากประเทศเกาหลีที่ได้รับความนิยมสูงมากในประเทศไทย เพราะเป็นการเพิ่มเพิ่มเสน่ห์ความสดใสให้กับดวงตาแถมยังช่วยทำให้ใบหน้าดูน่ารัก และดูเด็กลง
ถุงใต้ตา (Eye bags) คือ ลักษณะของขอบตาล่างที่เกิดจากไขมันลงมาค้างใต้ผิวหนัง ทำให้ใต้ตามีลักษณะตุ่ยเป็นถุงไขมัน บวม นูนออกมา กินพื้นที่กว้างตั้งแต่บริเวณรอบตาล่างลงมาถึงใต้ตา ทำให้ใต้ตามีลักษณะคล้ำ มีริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ใบหน้าดูมีอายุและอิดโดย ซึ่งตรงข้ามกับมากกว่า dolly eye ทำให้ใบหน้าดูโทรมหมดความสดใส
การทำดอลลี่อายไม่ได้มีเฉพาะในผู้หญิง แต่ผู้ชายก็นิยมทำดอลลี่อายด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ชายที่ต้องการรับรูปหน้าให้ดูหน้าหวาน น่ารักขึ้น ซึ่งการทำดอลลี่อายของผู้หญิงกับผู้ชายนั้นไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก ซึ่งอาจมีเพียงแค่ขนาดความหนาของดอลลี่อายเท่านั้นที่แตกต่างกัน เพื่อปรับให้เข้ากับรูปทรงของใบหน้า ซึ่งเทรนของ dolly eye ผู้ชายและผู้หญิงกำลังเป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่นและเกาหลี
การทำดอลลี่อายเป็นการเทคนิคในการปรับแต่งเพื่อให้เกิดมัดกล้ามเนื้อที่อยู่ขอบตาล่าง มักจะเกิดขึ้นบริเวณใต้ดวงตาในระหว่างที่กำลังยิ้ม ส่งผลทำให้ใบหน้าให้ดูน่ารัก ดูฉ่ำ แบ๊ว สดใสขึ้น ซึ่งวิธีที่จะทำดอลลี่อายที่ดูเป็นธรรมชาติมี 2 วิธีดังนี้
การฉีดฟิลเลอร์ดอลลี่อาย เป็นการใช้สารเติมเต็ม ประเภท Hyaluronic Acid ฉีดเข้าไปบริเวณขอบตาล่างตามแนวชิดตาเพื่อเพิ่มความนูนและความหนา ซึ่งวิธีนี้เป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นาน และเห็นผลลัพธ์ได้ทันที แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ถาวร ต้องมีการฉีดเติมซ้ำทุก 3-6 เดือน นอกจากนี้ยังต้องเลือกฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสำหรับการฉีดใต้ตาอีกด้วย เนื่องจากชั้นผิวมีความบางอาจทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนได้ง่าย
การฉีดไขมัน ดอลลี่อาย เป็นการนำไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย มาผ่านกระบวนการสกัด (Fat transfer) เพื่อให้ได้เซลล์ไขมันที่มีคุณภาพ และมีความบริสุทธิ์ จากนั้นนำกลับมาฉีดบริเวณใต้ตา เพื่อปรับให้ใต้ตาดูมาความสดใส อ่อนเยาว์ และช่วยให้ใบหน้าดูน่ารักมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดไขมันดอลลี่อาย จะเป็นผลลัพธ์แบบถาวร
การทำดอลลี่อายเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับดวงตา ช่วยให้ดวงตาดูสดใสขึ้น ซึ่งเทคนิการทำดอลลี่อายในปัจจุบันสามารถทำได้ 2 เทคนิคด้วยกัน ได้แก่การฉีดดอลลี่อาย ฟิลเลอร์ และศัลยกรรมดอลลี่อายด้วยการฉีดไขมัน แต่ก่อนการทำดอลลี่อาย (Dolly eye) ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองดังนี้
การฉีดฟิลเลอร์ทำดอลลี่อาย เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภท hyaluronic acid เข้าไปที่บริเวณขอบตาล่างชิดกับแนวขนตาตามรูปทรงตาของแต่ละคน ในปริมาณ 1-2 CC จากนั้นแพทย์จะทำการเกลี่ยฟิลเลอร์ให้โค้งเสมอกัน เพื่อให้ตัวฟิลเลอร์มีความเรียบเนียน เหมือนกับดอลลี่อายที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจมีอาการบวม 2-3 วัน และจะยุบบวมเต็มที่ใน 7-14 วัน
ศัลยกรรมดอลลี่อาย หรือการฉีดไขมันใต้ตาเป็นการทำศัลยกรรมอย่างหนึ่งที่เพิ่มความหนาให้กับขอบตาด้วยไขมันตัวเอง โดยศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อดูเอาไขมันจากส่วนอื่นๆของร่างกาย จากนั้นนำไปปั่นแยกสกัดเอาสเต็มเซลล์ออกมาใช้ ผสมกับเนื้อเยื่อไขมันแล้วนำไปฉีดบริเวณใต้ตาชิดแนวขนตา ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ใต้ตามีนูนที่พอดี สามารถให้ผลลัพธ์ที่ถาวร มีความเป็นธรรมชาติสูง และไม่ทำให้ใต้ตาเป็นก้อน
การทำดอลลี่อายศัลยกรรมดอลลี่อาย ด้วยเทคนิคเฉพาะที่เกาหลีโดยอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 54,000 บาท
เนื่องจากการดอลลี่อายเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้กับดวงตา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการพิจารณาเลือกสถานที่อย่างละเอียดรอบคอบดังนี้
การฉีดดอลลี่อายและการศัลยกรรมดอลลี่อาย ล้วนมีความเสี่ยงที่อาจเกิดอันตรายได้ง่าย เนื่องจากบริเวณใต้ตามีเส้นเลือดมากกว่าบริเวณอื่นๆ ดังนั้นกาาเลือกทำดอลลี่อายกับศัลยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ โดยใช้เทคนิคที่เหมาะสม ก็จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้
สำหรับดอลลี่อายจากการฉีดสารเติมเต็มชนิดฟิลเลอร์ ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน และดอลลี่อายที่ได้จากการฉีดไขมันจะมีผลลัพธ์ที่ถาวร ซึ่งหลังการฉีดไปแล้ว 3 เดือน จะเห็นรูปทรงที่ชัดเจน มีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
สรุป
ดอลลี่อายและถุงใต้ตานั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยถุงใต้ตาจะเป็นถุงไขมันที่มีขนาดใหญ่อยู่ที่บริเวณใต้ตา สามารถสังเกตได้ชัด เกิดขึ้นจากความหย่อนคล้อยพบมากเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้น ทำให้ใบหน้าดูโทรมและดูมีอายุ แต่ดอลลี่อายจะเป็นมัดกล้ามเนื้อบริเวณขอบตาล่าง สามารถสังเกตได้ชัดในเวลายิ้มหรือหัวเรา ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง ซึ่งในปัจจุบันการทำดอลลี่อายนิยมทำพร้อมกับการทำตา2ชั้น เพื่อปรับให้ดวงตามีความหวานละมุนเหมือนสาวเกาหลีมากยิ่งขึ้น