
อายุเท่าไหร่ควรดึงหน้า? ดึงหน้าตอนไหนดี? แก่แล้วค่อยดึงจริงหรือ?

การพิจารณาว่าจะดึงหน้า (Facelift) ตอนไหนดีนั้นเป็นคำถามที่ซับซ้อนและไม่มีคำตอบเดียวที่ตายตัวสำหรับทุกคน หลายคนมักเชื่อว่าควรเก็บหัตถการนี้ไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อความหย่อนคล้อยมาถึงจุดที่ชัดเจนที่สุด คือเมื่อ “แก่แล้ว” จริงไหม?
บทความนี้จะพาไปสำรวจคำถามสำคัญที่ว่า อายุเท่าไหร่ควรดึงหน้า? อายุเท่าไหร่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการดึงหน้า? เราจะเจาะลึกปัจจัยที่สำคัญกว่าตัวเลขอายุ ซึ่งรวมถึง สภาพผิว, ระดับความหย่อนคล้อย เพื่อช่วยให้เข้าใจว่าการตัดสินใจดึงหน้านั้นขึ้นอยู่กับ ความพร้อมทางร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่วันเกิดของคุณ
การดึงหน้า คืออะไร?
ศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) คือการผ่าตัดเพื่อทำให้ใบหน้าและลำคอที่หย่อนคล้อยกลับมาดูอ่อนเยาว์และตึงกระชับขึ้น ซึ่งการผ่าตัดนี้จะปรับตำแหน่งชั้นผิวหนัง กล้ามเนื้อ และไขมันที่หย่อนยานตามอายุ ให้กลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมที่เคยอยู่เมื่อวัยเยาว์ ผลลัพธ์ที่ได้คือ ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติ และริ้วรอยที่เคยชัดเจนจะลดเลือนลงอย่างมีประสิทธิภาพ
อายุเท่าไหร่ควรดึงหน้า
การตัดสินใจทำศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับความหย่อนคล้อยของผิว และสุขภาพโดยรวม
ผิวหย่อนคล้อยเกิดตั้งแต่อายุเท่าไหร่? อายุยังน้อยเป็นได้หรือไม่?

แม้ว่าผิวจะเริ่มหย่อนคล้อยชัดเจนในช่วงอายุ 30-40 ปี ขึ้นไป แต่บางคนก็อาจเจอปัญหานี้ได้ก่อนวัย เพราะมีพฤติกรรมที่เร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น เช่น
- นอนดึก / พักผ่อนไม่เพียงพอ
- สูบบุหรี่ และ ดื่มแอลกอฮอล์
- ความเครียดเรื้อรัง
- พันธุกรรม
พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้คอลลาเจนในผิวลดลง ผิวแห้ง และเกิดริ้วรอยเร็วขึ้น เป็นเหตุผลว่าทำไมคนในช่วงอายุ 20-30 ปี ก็สามารถมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้เหมือนกัน
ลักษณะผิวแบบไหน ควรดึงหน้า
- ผิวที่เริ่มหย่อนคล้อย แก้มตก มีร่องแก้มลึก
- ผิวบาง อ่อนนุ่ม จะดึงตึงได้ง่ายและเห็นผลชัดเจน
- คนที่มีใบหน้าแคบ ระยะทางจากแผลถึงริ้วรอยสั้น ทำให้ดึงหน้าได้ผลดี
- ผิวที่มีริ้วรอยลึก ร่องแก้ม แก้มแฟบ หรือลำคอหย่อนคล้อย
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับแก้ม คาง เหนียง หรือคอ
ทำไมต้องดึงหน้าตั้งแต่อายุยังน้อย ดีอย่างไร

การทำศัลยกรรมดึงหน้าตั้งแต่อายุยังน้อยมีข้อดีหลายอย่าง ดังนี้
1. ฟื้นตัวได้เร็วกว่า
ร่างกายที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวมีระบบไหลเวียนเลือดที่ดี ทำให้สามารถส่งสารอาหารและออกซิเจนไปช่วยซ่อมแซมผิวได้รวดเร็ว แผลจึงหายไวขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดพังผืดหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้
2. ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติกว่า
เนื่องจากปัญหาความหย่อนคล้อยในวัยนี้ยังไม่รุนแรงมาก การดึงหน้าจึงให้ผลลัพธ์ที่ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ดูตึงจนเกินไปหรือผิดปกติเหมือนกับการทำเมื่ออายุมากแล้วและผิวหย่อนคล้อยอย่างหนัก
3. ช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัย
การดึงหน้าตั้งแต่เนิ่น ๆ เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยลึกและความหย่อนคล้อยที่รุนแรงในอนาคต ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและช่วยรักษาความอ่อนเยาว์ไว้ได้นานกว่า
4. ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า
ผิวในวัยที่ยังอ่อนเยาว์จะมีคุณภาพดีและมีโครงสร้างที่แข็งแรง การดึงหน้าจึงให้ผลลัพธ์ที่คงทนและยาวนานกว่าการทำในวัยสูงอายุที่ผิวเริ่มเสื่อมสภาพไปมากแล้ว
การดึงหน้าเหมาะกับใคร

- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย: ใบหน้ามีแก้มตก มีร่องลึก หรือมีริ้วรอยที่ชัดเจน
- ผู้ที่อยากดูอ่อนเยาว์: ต้องการปรับรูปหน้าให้ตึงกระชับและดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วงอายุที่เหมาะสม: ผู้ที่มีอายุประมาณ 30-60 ปีขึ้นไป ที่ผิวเริ่มเสื่อมสภาพและต้องการยกกระชับ
- ผู้ที่สุขภาพดี: ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง หรือปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
การดึงหน้าไม่เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรง: เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือโรคเบาหวานขั้นรุนแรง ซึ่งทำให้การผ่าตัดมีความเสี่ยงสูง
- ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยน้อย: หรือไม่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนถึงขั้นต้องผ่าตัด
- ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์ไม่สมจริง: เช่น คาดหวังว่าจะดูเด็กลงหลายสิบปีในทันที
- ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ: หากไม่สามารถหยุดหรือลดพฤติกรรมดังกล่าวได้ตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ก่อนการผ่าตัด
ประโยชน์ของการดึงหน้ามีอะไรบ้าง
- ใบหน้ากระชับขึ้น: ช่วยลดความหย่อนคล้อย ทำให้ผิวหน้าดูแน่นและกระชับได้รูป
- ลดริ้วรอยลึก: จัดการกับปัญหาร่องแก้ม, ริ้วรอยที่คอ, และช่วยให้กรอบหน้าดูคมชัดขึ้น
- คืนความอ่อนเยาว์: ทำให้ผิวหน้ากลับมาดูสดใส และอ่อนวัยลงอย่างเห็นได้ชัด
- ยกกระชับโครงสร้างภายใน: ไม่ใช่แค่ผิว แต่ยังช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่หย่อนคล้อยใต้ผิวหนังด้วย
- เพิ่มความมั่นใจ: เมื่อรูปลักษณ์ดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ย่อมส่งผลให้ความมั่นใจในตัวเองดีขึ้นตามมา
อายุเท่าไหร่ควรดึงหน้า ช่วงวัย 30, 40, 50 ต่างกันอย่างไร?

- อายุ 30 – 40 ปี (ปลาย ๆ) ถ้าเริ่มมีผิวหย่อนคล้อยชัดเจนและสุขภาพแข็งแรง ก็สามารถทำได้ จะเหมาะกับการดึงหน้าเฉพาะจุด เช่น ดึงหน้าส่วนกลาง (Mid Face) หรือการยกคิ้ว
- อายุ 40 – 50 ปี เป็นช่วงที่แก้มหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยชัดเจนขึ้น จะเหมาะกับการดึงหน้าเต็มรูปแบบ (Full Facelift) หรือการดึงหน้าโดยใช้กล้องส่อง
- อายุ 50 ปีขึ้นไป จะมีความหย่อนคล้อยทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ เหมาะกับการดึงหน้าเต็มรูปแบบ (Full Facelift) ร่วมกับการดึงคอ (Neck Lift) เพื่อให้ใบหน้าและลำคอดูตึงกระชับไปพร้อมกัน
ไม่จำเป็นต้องรออายุเยอะ ผิวหย่อนคล้อยการค่อยดึงหน้า
การดึงหน้าไม่จำเป็นต้องรอให้มีอายุมาก หากเริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยชัดเจน และมีสุขภาพแข็งแรง ก็สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 30 ปีปลาย ๆ
ดึงหน้าตอนอายุน้อย อันตรายไหม
ไม่อันตราย หากเลือกทำกับศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและในคลินิกที่มีมาตรฐานเท่านั้น
การเตรียมตัวก่อนดึงหน้า
เพื่อให้การผ่าตัดดึงหน้าเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย การเตรียมตัวล่วงหน้าถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่คนไข้ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเมื่อใช้บริการผ่านเอเจนซี:
1. การปรึกษาศัลยแพทย์และการเปิดเผยข้อมูลสุขภาพ
- ปรึกษาและประเมินผล: เข้ารับการปรึกษาจากศัลยแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว สุขภาพโดยรวม และความคาดหวังอย่างละเอียด ซึ่งเอเจนซีจะช่วยอำนวยความสะดวกในการนัดหมาย
- แจ้งข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด: แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และยา รวมถึงอาหารเสริม ทุกชนิดที่ใช้อยู่ให้ศัลยแพทย์และเอเจนซีทราบอย่างครบถ้วน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด (รวมถึงยาแก้ปวด เช่น แอสไพริน หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด)
2. การเตรียมร่างกายและการปรับพฤติกรรม
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์: งดโดยเด็ดขาดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ส่งผลเสียต่อการไหลเวียนโลหิตและการสมานแผล
- งดยาที่มีผลต่อเลือด: งดยาแก้ปวดบางชนิด เช่น แอสไพริน หรือยาแผนปัจจุบันที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ตามคำแนะนำของศัลยแพทย์เท่านั้น โดยให้เอเจนซีประสานงานกับศัลยแพทย์เพื่อยืนยันรายการยาที่ต้องงด
- เตรียมความพร้อมด้านจิตใจ: เตรียมใจให้พร้อม และทำความเข้าใจถึงขั้นตอนการผ่าตัดและระยะเวลาพักฟื้น เพื่อให้คนไข้ผ่อนคลายและร่างกายพร้อมที่สุด
3. การวางแผนร่วมกับเอเจนซี
- วางแผนการพักฟื้น: วางแผนการพักฟื้นหลังผ่าตัด รวมถึงการจัดการเรื่องที่พัก การเดินทาง และผู้ดูแลอย่างชัดเจน โดยประสานงานกับเอเจนซีเพื่อให้การดูแลในช่วงแรกเป็นไปอย่างราบรื่น
ขั้นตอนการดึงหน้า
ภาพรวมขั้นตอนหลักของการผ่าตัดดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS ที่จะได้รับการดูแลและประสานงานตลอดกระบวนการโดยเอเจนซี
1. การเตรียมการและการระงับความรู้สึก
- ทำความสะอาดและระงับความรู้สึก: ทีมศัลยแพทย์จะทำความสะอาดผิวหน้าและบริเวณผ่าตัดอย่างละเอียด จากนั้นจะให้ยาชาเฉพาะที่ หรือให้ยาสลบ (ตามความเหมาะสมและแผนที่ตกลงกันไว้) เพื่อให้คนไข้รู้สึกสบายตลอดการผ่าตัด
2. ขั้นตอนการผ่าตัดยกกระชับ
- การกรีดแผล: ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการกรีดผิวหนังในบริเวณที่ซ่อนรอยแผลได้ดี เช่น บริเวณขอบผมและรอบใบหู
- การยกกระชับชั้นลึก (SMAS): ศัลยแพทย์จะยกผิวหนังและเข้าถึงเนื้อเยื่อชั้นลึก (SMAS) เพื่อทำการปรับโครงสร้าง แก้ไขความหย่อนคล้อย และดึงกล้ามเนื้อที่อ่อนแรงให้กลับมาตึงกระชับ
- การตัดผิวหนังส่วนเกิน: เมื่อชั้นลึกได้รับการยกกระชับเรียบร้อยแล้ว ศัลยแพทย์จะตัดผิวหนังส่วนเกินออกอย่างระมัดระวัง เพื่อให้ผิวชั้นนอกเรียบตึง ไม่หย่อนคล้อย และเย็บแผลให้เรียบร้อย
3. การปิดแผลและการดูแลหลังผ่าตัดทันที
- การพันผ้าและลดบวม: เมื่อสิ้นสุดการผ่าตัด ทีมงานจะทำการพันผ้าพันแผล และใช้เครื่องมือช่วยลดบวมที่จำเป็นบริเวณใบหน้า เพื่อช่วยลดอาการบวมช้ำในระยะแรก
การดูแลตัวเองหลังดึงหน้า
1. การพักฟื้นและการใช้ชีวิตประจำวัน
- พักผ่อนให้เพียงพอ: จัดเวลาพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก: งดการออกแรงหนักหรือออกกำลังกายหนัก เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ หรือจนกว่าศัลยแพทย์จะอนุญาต เพื่อป้องกันแรงกดทับหรือความตึงบริเวณแผล
2. การดูแลสุขภาพและสุขอนามัย
- รับประทานยาตามคำสั่ง: รับประทานยาที่ศัลยแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ทั้งยาแก้อักเสบ ยาลดบวม และยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์: งดโดยเด็ดขาด จนกว่าร่างกายจะฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ เพราะสิ่งเหล่านี้ขัดขวางกระบวนการสมานแผล
- ปกป้องผิวจากแสงแดด: หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัด โดยตรงเป็นเวลาประมาณ 3-6 เดือน และใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ เพื่อป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นที่เห็นชัดเจน
3. การติดตามผลและการประสานงาน
- เข้าตรวจแผลตามนัด: เข้าพบศัลยแพทย์เพื่อตรวจแผล ติดตามผล และตัดไหมตามวัน-เวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด โดยประสานงานกับเอเจนซีเรื่องการเดินทางและการนัดหมาย
- รายงานความผิดปกติ: หากคนไข้มีอาการผิดปกติใด ๆ เช่น แผลบวมแดง มีไข้สูง หรือมีของเหลวไหลออกจากแผล โปรดแจ้งเอเจนซีทันที เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือทางการศัลยแพทย์และการแปลภาษาอย่างรวดเร็วที่สุด
อายุ ส่งผลต่อราคาดึงหน้าหรือไม่
อายุไม่ใช่ปัจจัยหลักที่กำหนดราคาดึงหน้าโดยตรง ราคาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาผิว และเทคนิคที่ใช้ ถ้าผิวคนไข้หย่อนคล้อยมาก (ไม่ว่าจะอายุเท่าไร) ศัลยแพทย์อาจต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนและเวลาผ่าตัดนานขึ้น ราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ค่าใช้จ่ายสำหรับการผ่าตัดดึงหน้าและดึงคอโดยประมาณจะอยู่ที่ 25 – 26 ล้านวอนเกาหลี (เทียบเท่าประมาณ 580,000 บาท) ซึ่งราคานี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความซับซ้อนของการผ่าตัดในแต่ละคน
ถ้าสนใจและต้องการทราบราคาประเมินที่ชัดเจน สามารถส่งรูปภาพเพื่อขอคำปรึกษาและประเมินราคาเบื้องต้นได้ที่ LINE: https://page.line.me/fxl6554w
เลือกดึงหน้าที่ไหนดี
ถ้าตัดสินใจจะทำศัลยกรรมดึงหน้าแบบ SMAS ที่ประเทศเกาหลี มาดูปัจจัยควรพิจารณาเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- มาตรฐานการรับรอง: เลือกโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลและมีชื่อเสียงที่ดี
- ประสบการณ์ศัลยแพทย์: ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีทีมศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าที่มีประสบการณ์สูง และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการดึงหน้าแบบ SMAS โดยเฉพาะ
- เทคโนโลยี: ตรวจสอบว่ามีการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มความแม่นยำและปลอดภัยในการผ่าตัด
- ดูผลงาน: ศึกษาจากรีวิวและภาพผลงานก่อน-หลังของศัลยแพทย์ เพื่อประเมินสไตล์และความเชี่ยวชาญ
- แผนเฉพาะบุคคล: ศัลยแพทย์ที่ดีควรให้คำปรึกษาอย่างละเอียด และออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าโดยเฉพาะ
- บริการหลังทำ: เลือกโรงพยาบาลที่มีบริการดูแลหลังผ่าตัดที่ครอบคลุม และมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แผลหายดีและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ความสบายใจ: พิจารณาความสะดวกในการเดินทาง การบริการของคลินิก และความน่าเชื่อถือโดยรวม เพื่อให้รู้สึกสบายใจและมั่นใจตลอดกระบวนการรักษา
เลือกดึงหน้าที่ SU:I PLASTIC SURGERY ดีอย่างไร
โรงพยาบาล SU:I มีข้อดีที่โดดเด่นและเป็นเหตุผลที่คนไข้เลือกวางใจ
- ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับตำนาน: นำโดยคุณหมออัน แทจู (Dr. Ahn Tae Joo) ศัลยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี ซึ่งมีชื่อเสียงทั้งในเกาหลีและไทย เน้นผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์
- มีเทคนิคเฉพาะ: ใช้เทคนิคการผ่าตัดที่พัฒนามาเพื่อลดอาการบวมช้ำ เช่น การดึงหน้าด้วยเทคนิค Endotine ซึ่งช่วยยึดชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและคงทน
- การออกแบบเฉพาะบุคคล: ให้ความสำคัญกับการดีไซน์การผ่าตัดที่เหมาะสมกับโครงหน้าและปัญหาผิวของคนไข้แต่ละคน เพื่อแก้ไขความหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก หรือปรับสัดส่วนใบหน้าให้ลงตัวที่สุด
- ความปลอดภัยสูงสุดและการดูแลใกล้ชิด: เน้นความปลอดภัยด้วยอุปกรณ์และระบบฉุกเฉินที่ครบครัน พร้อมทีมงานที่ดูแลคนไข้แบบ 1:1 อย่างใกล้ชิดตลอดขั้นตอน ตั้งแต่การปรึกษา การผ่าตัด จนถึงการติดตามผล
- คุณภาพและจรรยาบรรณ: ใช้วัสดุและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ได้มาตรฐานรับรอง และมีนโยบายไม่ทำศัลยกรรมเกินความจำเป็น
- การบอกต่อ 100%: คนไข้ทั้งหมดมาจากการบอกต่อ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความไว้วางใจและความพึงพอใจในผลลัพธ์จากลูกค้าจริง
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
การดึงหน้าสามารถทำได้หลายครั้งหรือไม่?
สามารถทำได้หลายครั้ง แต่ปกติไม่จำเป็นต้องทำบ่อย เพราะการดึงหน้าชั้นลึกมักให้ผลลัพธ์นานถึง 10-15 ปี หากดูแลตัวเองดี เมื่อเวลาผ่านไปและความหย่อนคล้อยกลับมา คนไข้สามารถเลือกทำการดึงหน้าครั้งที่สอง (Revision Facelift) เพื่อปรับผลลัพธ์เดิมได้
มีอายุที่เหมาะสมสำหรับการดึงหน้าที่แน่นอนหรือไม่?
ไม่มีอายุที่ตายตัว การดึงหน้าเหมาะกับผู้ที่มีอายุประมาณ 30-60 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยชัดเจน การตัดสินใจขึ้นอยู่กับสุขภาพและลักษณะผิวเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องรอให้อายุมากก่อนถึงจะเริ่มทำได้
การดึงหน้าพักฟื้นนานไหม?
การพักฟื้นจะแตกต่างกันไปตามเทคนิคและร่างกายของแต่ละคน ประมาณ 2-4 สัปดาห์ ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งแผลผ่าตัดจะหายดีและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นภายใน 6-12 เดือน
สรุป
การตัดสินใจทำศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความหย่อนคล้อยของแต่ละคน แม้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยจะเริ่มชัดเจนในช่วงอายุ 30-40 ปีขึ้นไป แต่บางคนอาจต้องการเริ่มทำก่อนวัยอันควร เนื่องจากปัจจัยอย่างพฤติกรรม พันธุกรรม หรือสภาพแวดล้อม การดึงหน้าตั้งแต่เนิ่น ๆ มีข้อดีคือ ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติกว่า และคงทนยาวนานกว่าการทำเมื่ออายุมาก
ที่สำคัญที่สุดคือการเลือกคลินิกและศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง อย่างเช่น SU:I Plastic Surgery ซึ่งมี คุณหมออัน แทจู ผู้เชี่ยวชาญด้านการดึงหน้ามานานกว่า 20 ปี โดยใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น SMAS และ Endotine ที่ช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและปลอดภัย พร้อมการดูแลคนไข้แบบ 1:1 อย่างใกล้ชิดตลอดกระบวนการ ความน่าเชื่อถือของโรงพยาบาลนี้ยังได้รับการยืนยันจากสถิติที่น่าสนใจคือ คนไข้ 100% มาจากการบอกต่อ แสดงถึงความไว้วางใจและความพึงพอใจสูงสุดในผลลัพธ์ที่ได้รับ
เอกสารอ้างอิง
1. Facelift Facts: What You Need To Know. (2024). แหล่งข้อมูล : https://health.clevelandclinic.org/facelift-frequently-asked-questions
2. Facelift, Mini Facelift, & Neck Lift. (n.d.). แหล่งข้อมูล : https://healthcare.utah.edu/plastic-surgery/facial/facelift-midlift-necklift 
3. Barry M Jones, and Steven J Lo. (2012). How long does a face lift last? Objective and subjective measurements over a 5-year period. แหล่งข้อมูล :  https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/23190814/
 
	




