ดึงหน้าชั้น smas
ทีมแพทย์ SU:I
ทีมแพทย์ SU:I

ดึงหน้า ชั้น SMAS คืออะไร? ทำไมต้องชั้นนี้ ต่างจากดึงหน้าทั่วไปยังไง?

ดึงหน้าชั้น smas

เคยสงสัยไหมว่าทำไมการดึงหน้าบางคนจึงดูตึง แต่ขาดความเป็นธรรมชาติ? ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เทคนิคการผ่าตัดอย่างเดียว แต่อยู่ที่การเลือก “ชั้นผิวหนัง” ที่จะทำการดึง! หลายสิบปีที่ผ่านมา การดึงหน้าจะทำเพียงแค่ชั้นผิวหนังด้านบน ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นานและเสี่ยงต่อการดูหน้าแข็ง ปัจจุบัน เทคนิคที่ได้รับการยอมรับและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและเป็นธรรมชาติที่สุดคือการดึงหน้าแบบลงลึกถึง ชั้น SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่คอยพยุงกล้ามเนื้อและไขมันบนใบหน้าไว้ 

บทความนี้จะเจาะลึกว่า SMAS คืออะไร? ทำไมการดึงที่ชั้นนี้จึงสำคัญอย่างยิ่งในการแก้ไขความหย่อนคล้อย และความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างการดึงหน้าชั้น SMAS กับการดึงหน้าแบบทั่วไปคืออะไร เพื่อให้ทุกคนตัดสินใจเลือกทางออกในการคืนความอ่อนเยาว์ได้อย่างถูกต้องและมั่นใจที่สุด

SMAS คืออะไร

smas คือ

SMAS ย่อมาจาก Superficial MusculoAponeurotic System ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่สำคัญมากที่อยู่ลึกภายในใบหน้าของเรา โดยชั้น SMAS เป็นเหมือน ‘โครงสร้างพยุง’ ของใบหน้า โดย

  • เป็นชั้นของพังผืดที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อ และเชื่อมต่อกล้ามเนื้อใบหน้าเข้ากับผิวหนัง
  • อยู่ใต้ชั้นผิวหนังและไขมัน
  • มีบทบาทสำคัญในการรักษาความกระชับและรูปร่างของใบหน้า

เมื่อเรามีอายุมากขึ้น ชั้น SMAS จะหย่อนคล้อยและสูญเสียความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย และริ้วรอยต่าง ๆ

ดึงหน้า SMAS คืออะไร

ดึงหน้าชั้นsmas คืออะไร

การดึงหน้า SMAS คือเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าที่มีจุดเด่นในการเน้นการยกกระชับไปที่ชั้น SMAS โดยตรง ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อพังผืดกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ผิวหนังและมีบทบาทสำคัญในการเป็นโครงสร้างหลักเพื่อรองรับและความกระชับของใบหน้า การทำเช่นนี้จึงช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและจะอยู่ได้ยาวนานถึงประมาณ 5-10 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดด้วย

ดึงหน้า SMAS เหมาะกับใคร

การดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวอย่างได้ผลและคงทนยาวนาน โดยเฉพาะกลุ่มคนต่อไปนี้

  • กลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่ชัดเจน ในระดับรุนแรง
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน
  • ผู้ที่เคยลองวิธีอื่นแล้วไม่เห็นผล หรือต้องการการปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับและดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

ดึงหน้า SMAS ไม่เหมาะกับใคร 

การดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS อาจไม่เหมาะสมสำหรับบางกลุ่ม เพราะอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหรือผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้แก่

  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่ควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง ที่ยังควบคุมอาการไม่ได้
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังบางประเภท เช่น ผู้ที่มีผิวหนังบอบบางมาก หรือมีประวัติการเกิดคีลอยด์
  • สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร

ประโยชน์ของการดึงหน้า SMAS คืออะไร

ดึงหน้าชั้นsmas ประโยชน์

การดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยและริ้วรอย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน ประโยชน์หลัก ๆ ของเทคนิคนี้มีดังนี้

  • ยกกระชับโครงสร้างผิวชั้นลึก: ช่วยยกกระชับโครงสร้างใบหน้าที่อยู่ใต้ผิวหนังโดยตรง โดยเฉพาะบริเวณร่องแก้ม แก้ม และกรอบหน้า ทำให้ใบหน้าดูตึงกระชับและอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
  • ลดริ้วรอยและฟื้นฟูผิว: ลดปัญหาความหย่อนคล้อยและริ้วรอยอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวและเนื้อเยื่อที่ลึก ทำให้ผิวเรียบเนียน ดูตึงกระชับ และมีสุขภาพดีขึ้น
  • ผลลัพธ์ยาวนานกว่า: ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่าการดึงหน้าแบบผิวหนังชั้นตื้น โดยอาจอยู่ได้นานถึง 5-10 ปีหรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ
  • ปรับรูปหน้าให้สมดุลและเป็นธรรมชาติ: ช่วยปรับรูปหน้าให้เข้ารูปและสมดุลได้อย่างเหมาะสม โดยศัลยแพทย์สามารถควบคุมแรงดึงในชั้นลึกได้ ทำให้ใบหน้าดูดีขึ้นโดยไม่รู้สึกว่าตึงหรือแข็งจนเกินไป
  • ลดความเสี่ยงการเกิดแผลเป็น: เทคนิค SMAS ช่วยให้มีแรงตึงบริเวณแผลต่ำกว่าการดึงหน้าแบบทั่วไป จึงลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นนูน หรือรอยคลื่นบริเวณแผลผ่าตัดได้

เปรียบเทียบการดึงหน้าชั้นอื่น ๆ

เทียบดึงหน้า SMAS กับดึงหน้าชั้นอื่น ๆ มีความแตกต่างกันในหลายจุดดังนี้

หัวข้อดึงหน้า SMASดึงหน้าทั่วไป (ชั้นผิวหนังตื้น)ดึงหน้าชั้นลึกใต้ต่อ SMAS (Deep SMAS / High SMAS)
ชั้นที่ดึงดึงลึกถึงชั้น SMAS (ชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง)ดึงเฉพาะผิวหนังชั้นตื้นลึกกว่าชั้น SMAS เข้าไปที่กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นยึดใบหน้า
ความลึกในการยกกระชับลึกและยกได้ทั่วโครงสร้างใบหน้าตื้นเฉพาะผิวหนังลึกที่สุด ปรับโครงสร้างกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นได้เต็มที่
ความชัดเจนของผลลัพธ์เห็นผลชัดเจน ยกได้มากผลลัพธ์น้อยกว่าเห็นผลชัดเจนที่สุด ยกได้มากสุดและดูธรรมชาติที่สุด
อายุของผลลัพธ์อยู่ได้นาน 5-10 ปีอยู่ได้ไม่นาน 1-3 ปีอยู่ได้นานที่สุด เนื่องจากเน้นปรับพื้นฐานลึก
เหมาะกับใครผู้ที่มีปัญหาหย่อนคล้อยชัดเจน อายุ 40+ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย อายุยังน้อยเคสที่ต้องการผลลัพธ์ดีที่สุดและพร้อมฟื้นตัวนานขึ้น
ระยะเวลาพักฟื้น3-4 สัปดาห์1-2 สัปดาห์นานกว่าดึงหน้า SMAS เนื่องจากการผ่าตัดลึกและซับซ้อน
ความซับซ้อนและความเสี่ยงผ่าตัดใหญ่ ใช้ยาสลบ ต้องศัลยแพทย์มีประสบการณ์ผ่าตัดเล็ก ใช้ยาชาเฉพาะที่ซับซ้อนสูง ต้องศัลยแพทย์เชี่ยวชาญและประสบการณ์มาก
ผลข้างเคียงน้อย เพราะแรงตึงที่ผิวน้อยมีโอกาสเกิดแผลเป็นหรือบริเวณผิวหนังตึงน้อยมาก เพราะลดแรงตึงผิวหนังและปรับโครงสร้าง

การเตรียมตัวก่อนดึงหน้า SMAS

การเตรียมตัวที่ดีคือกุญแจสำคัญที่ช่วยให้การดึงหน้า SMAS ปลอดภัย ราบรื่น และลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนได้

1. การเตรียมตัวด้านสุขภาพและการปรึกษาศัลยแพทย์

  • ปรึกษาและประเมินผล: เข้ารับการปรึกษาจากศัลยแพทย์เพื่อประเมินสุขภาพผิวหน้า ปัญหาความหย่อนคล้อย และความคาดหวังอย่างละเอียด เพื่อให้ศัลยแพทย์สามารถวางแผนการผ่าตัดที่เหมาะสมที่สุด
  • เปิดเผยข้อมูลสุขภาพ: แจ้งประวัติการรักษา โรคประจำตัว ยา อาหารเสริม และสมุนไพร ทุกชนิดที่ใช้อยู่ให้ศัลยแพทย์ทราบอย่างครบถ้วน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
  • งดยาและอาหารเสริมบางชนิด: งดยาละลายลิ่มเลือด น้ำมันปลา วิตามินอี และสมุนไพรบางชนิด 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เนื่องจากสิ่งเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการมีเลือดออกมากผิดปกติ

2. การปรับพฤติกรรมและการเตรียมร่างกาย

  • งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์: งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด เพราะจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวและเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อที่แผล
  • งดน้ำและอาหาร: ปฏิบัติตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยทั่วไปคือการงดน้ำและอาหารประมาณ 6-8 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัด
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: เตรียมร่างกายให้แข็งแรงและพักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาวะที่พร้อมรับการผ่าตัด
  • ทำความสะอาดร่างกาย: อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายและใบหน้าให้เรียบร้อย และถอดเครื่องประดับและโลหะทุกชนิดออกก่อนเข้าห้องผ่าตัด

3. การจัดการด้านธุรการและการฟื้นตัว (สำหรับผู้ใช้บริการเอเจนซี)

หากกำลังพิจารณาใช้บริการเอเจนซีเพื่อทำศัลยกรรมในประเทศเกาหลี ควรเน้นย้ำเรื่องเหล่านี้เป็นพิเศษ

  • แจ้งเอเจนซีให้ชัดเจน: ให้ข้อมูลสุขภาพทั้งหมดแก่เอเจนซีเพื่อส่งต่อให้ศัลยแพทย์ประเมิน ยืนยันการนัดหมายและการเตรียมตัวเฉพาะทางก่อนการเดินทาง
  • เตรียมผู้ดูแลและการเดินทาง: คนไข้จะไม่สามารถขับรถเองได้หลังการผ่าตัด และจำเป็นต้องมีผู้ช่วยดูแลในช่วงพักฟื้นแรก ดังนั้น ให้ประสานงานกับเอเจนซีเพื่อเตรียมรถรับ-ส่งที่ปลอดภัย และที่พักที่เหมาะสมสำหรับการพักฟื้น
  • การสื่อสารหลังผ่าตัด: สอบถามขั้นตอนการติดต่อศัลยแพทย์หรือล่ามผ่านเอเจนซี ในกรณีที่เกิดข้อสงสัยหรือมีภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที

วิธีดึงหน้า SMAS

การดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) มีหลากหลายวิธี โดยแต่ละเทคนิคถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยในระดับที่แตกต่างกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละบุคคล:

เทคนิคหลักวิธีการและจุดเด่นระดับการแก้ไข
1. SMAS Plicationเป็นการยกกระชับแบบ “เย็บซ้อน” โดยศัลยแพทย์จะทำการเย็บกล้ามเนื้อชั้น SMAS ให้ย่นเข้าหากัน (คล้ายการมัดเชือก) โดยไม่ต้องเลาะกล้ามเนื้อออกจากเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง เทคนิคนี้ช่วยให้ใบหน้าเต่งตึงขึ้นแบบง่าย ๆ ตื้น (เน้นการเย็บย่น)
2. Smasectomyเป็นการปรับโครงสร้างโดยตรง โดยการเลาะและตัดกล้ามเนื้อชั้น SMAS ส่วนเกินออก จากนั้นจึงเย็บยกกระชับขึ้นใหม่ ทำให้ผลลัพธ์มีความชัดเจนและอยู่ได้นานกว่าแบบ Plicationปานกลาง (เน้นการตัดส่วนเกิน)
3. SMAS Lift (Imbrication)เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยม โดยจะเลาะชั้นกล้ามเนื้อ SMAS ออกจากเนื้อเยื่อข้างใต้ทั้งหมด แล้วดึงขึ้นและเย็บยึดกับโครงสร้างที่มั่นคง (เช่น บริเวณขมับหรือหลังหู) จะทำร่วมกับการตัดผิวหนังส่วนเกิน เพื่อแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับลึกได้อย่างเป็นธรรมชาติลึก (เน้นการเลาะและยก)

เทคนิคย่อยและเทคนิคขั้นสูง

นอกจากเทคนิคหลักแล้ว ยังมีวิธีการดัดแปลงที่เน้นการแก้ไขเฉพาะจุดหรือโครงสร้างที่ลึกยิ่งขึ้น ได้แก่

  • High SMAS Lift: เน้นการดึงชั้น SMAS ในระดับที่สูงขึ้นเพื่อยกกระชับแก้มและบริเวณกลางหน้าให้ได้ผลชัดเจนยิ่งขึ้น
  • Extended SMAS และ Deep Plane Facelift: เป็นเทคนิคที่ก้าวหน้า โดยศัลยแพทย์จะเลาะและแก้ไขเนื้อเยื่อ รวมถึงเอ็นยึดใบหน้าในชั้นที่ลึกกว่าปกติ เพื่อให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับมีความชัดเจนและคงทนนานเป็นพิเศษ

การดูแลตัวเองหลังดึงหน้า SMAS

ดึงหน้าชั้นsmas การดูแลตัวเองหลังทำ

การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีหลังการผ่าตัดดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และมั่นใจว่าคนไข้จะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

1. การดูแลในช่วงพักฟื้นทันที (1-3 วันแรก)

  • การพักผ่อนและการรัดหน้า: พักผ่อนให้เต็มที่ และใส่ผ้ารัดหน้า (Compression Garment) ตลอดเวลา ตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ เพื่อช่วยลดอาการบวมและกระชับผิว
  • การลดอาการบวม: ใช้การประคบเย็นบริเวณแผลในช่วง 1-3 วันแรก เพื่อบรรเทาอาการบวมและลดความเจ็บปวด
  • ท่านอนที่ถูกต้อง: นอนหมอนสูง และหลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำในช่วงสัปดาห์แรก เพื่อให้ของเหลวไหลลงและช่วยลดอาการบวมบนใบหน้า

2. การดูแลแผลและการรักษาความสะอาด

  • รักษาความสะอาดแผล: ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือล้างแผลตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ และห้ามแกะหรือเกาแผลเด็ดขาด จนกว่าแผลจะสมานดี
  • การโดนน้ำ: หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำประมาณ 3-5 วันแรก หลังจากนั้นสามารถสระผมและล้างหน้าได้อย่างเบามือ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH เป็นกลาง

3. ข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามที่สำคัญ

  • งดพฤติกรรมเสี่ยง: งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด เพราะสารพิษจะขัดขวางการหายของแผลและเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อ
  • งดกิจกรรมหนัก: งดออกกำลังกายหนัก หรือกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมากอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันไม่ให้แผลเกิดความตึงหรือเสียหาย
  • การรับประทานอาหาร: เลือกรับประทานอาหารที่มีโปรตีน วิตามิน C และสังกะสี (Zinc) เพื่อส่งเสริมการสมานแผล และหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของหมักดอง ที่อาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด: หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัด และงดใช้สารเคมีหรือทำสีผมบริเวณใกล้เคียงแผลเป็นเวลาประมาณ 1 เดือน เพื่อปกป้องผิวและแผล

4. การติดตามผลและการประสานงานกับเอเจนซี

  • การเข้าพบศัลยแพทย์ตามนัด: เข้าพบศัลยแพทย์ตามนัดหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อตรวจแผล ตัดไหม และประเมินผลการผ่าตัด
  • การแจ้งอาการผิดปกติ: หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น เช่น แผลมีหนอง, มีเลือดไหลไม่หยุด, มีไข้สูง, หรืออาการบวมแดงรุนแรง ให้รีบติดต่อเอเจนซีโดยทันที เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างเร่งด่วนที่สุด เพราะเอเจนซีจะช่วยประสานงานกับศัลยแพทย์และล่ามให้ได้อย่างรวดเร็ว

ข้อดี-ข้อเสียหลังดึงหน้า

การดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS เป็นการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ก็มีข้อควรพิจารณาที่สำคัญที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

ข้อดี (Advantages)

  • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน: เนื่องจากเป็นการดึงและปรับโครงสร้างลึกถึงชั้น SMAS (กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง) จึงให้ผลลัพธ์ที่ตึงกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวหน้าไม่ดูตึงแข็ง จนเกินไป และผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานหลายปี
  • แก้ไขปัญหาผิวอย่างตรงจุด: สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ริ้วรอยร่องลึก (เช่น ร่องแก้ม แก้มห้อย) และปรับกรอบหน้าให้คมชัดได้ในระดับที่ชัดเจน
  • กำจัดหนังส่วนเกินอย่างถาวร: เทคนิคนี้ช่วยกำจัดผิวหนังส่วนเกินที่หย่อนคล้อยออกไปอย่างถาวร ซึ่งแตกต่างจากการร้อยไหมหรือการใช้เครื่องมือยกกระชับที่ไม่ได้ตัดหนังออก
  • การฟื้นตัวที่จัดการได้: เมื่อเทียบกับการดึงหน้าแบบ Deep Plane ที่ลึกกว่า เทคนิค SMAS ถือว่ามีการบอบช้ำน้อยกว่า ทำให้การดูแลแผลและการฟื้นตัวค่อนข้างรวดเร็ว

ข้อเสีย (Disadvantages)

  • ความเสี่ยงจากการผ่าตัดใหญ่: เนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ จึงมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เช่น อาการบวมช้ำที่อาจเกิดได้ และความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือการเกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทใบหน้า หากทำโดยศัลยแพทย์ที่ขาดความเชี่ยวชาญ
  • ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น: อาจมีอาการผิวหนังไม่เรียบเนียนในระยะแรก หรือบางรายอาจเกิดพังผืดบริเวณที่มีการเย็บกล้ามเนื้อชั้นลึก
  • ระยะเวลาพักฟื้น: ต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการทำหัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัด (เช่น การร้อยไหม หรือการใช้เครื่องยกกระชับ)
  • ค่าใช้จ่ายและความพร้อม: เป็นการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องใช้ความพร้อมในการเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังผ่าตัดในหลายด้าน

ดึงหน้า SMAS ราคาเท่าไร

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณสำหรับการผ่าตัดดึงหน้าและดึงคอจะอยู่ที่ 25-26 ล้านวอนเกาหลี (เทียบเท่าประมาณ 580,000 บาท)

ราคานี้อาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมและความซับซ้อนของแต่ละคน หากสนใจและต้องการทราบราคาประเมินที่ชัดเจน สามารถส่งรูปภาพเพื่อขอคำปรึกษาและประเมินราคาเบื้องต้นได้ที่ LINE: https://page.line.me/fxl6554w

ดึงหน้า SMAS ที่ไหนดี 

เมื่อตัดสินใจจะทำศัลยกรรมดึงหน้า SMAS ที่ประเทศเกาหลี ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญเหล่านี้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด

  1. ความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์และสถานพยาบาล
  • เลือกโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล และมีชื่อเสียงดี
  • ตรวจสอบว่ามีทีมศัลยแพทย์ตกแต่งใบหน้าที่มีประสบการณ์สูง และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการดึงหน้าแบบ SMAS
  1. เทคนิคและอุปกรณ์การผ่าตัด
  • มองหาคลินิกที่ใช้เทคนิคการผ่าตัดสมัยใหม่ เช่น SMAS Contouring หรือ High SMAS ซึ่งเป็นที่นิยมในเกาหลี
  • ตรวจสอบว่ามีการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย 
  1. ผลงานและการให้คำปรึกษา
  • ดูรีวิวและภาพผลงานก่อน-หลังของศัลยแพทย์ เพื่อประเมินความเชี่ยวชาญและสไตล์การทำ
  • ศัลยแพทย์ควรให้คำปรึกษาอย่างละเอียด และออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าแบบเฉพาะบุคคล
  1. การดูแลหลังผ่าตัด
  • เลือกโรงพยาบาลที่มีบริการดูแลหลังผ่าตัดที่ครอบคลุม และมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  1. ความสะดวกและความน่าเชื่อถือ
  • คำนึงถึงความสะดวกในการเดินทาง การบริการของคลินิก และความน่าเชื่อถือโดยรวม เพื่อให้รู้สึกสบายใจตลอดกระบวนการรักษา

ดึงหน้า SMAS ที่ SU:I PLASTIC SURGERY ดีกว่าอย่างไร

การเลือกทำศัลยกรรมดึงหน้า SMAS ที่โรงพยาบาล SU:I Plastic Surgery มีข้อได้เปรียบที่สำคัญเหนือกว่าที่อื่นในหลายด้าน

  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญระดับสูง: ทีมศัลยแพทย์นำโดย ศัลยแพทย์อันแทจู (Dr. Ahn Tae Joo) มีประสบการณ์ในด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้ามานานกว่า 20 ปี และยังได้รับรางวัลศัลยแพทย์ดีเด่นจากเกาหลีใต้ ซึ่งช่วยให้มั่นใจในฝีมือ ความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่จะได้รับ
  • การดูแลแบบส่วนตัว 1:1 และการฟื้นตัวที่รวดเร็ว: คนไข้จะได้รับการดูแลแบบส่วนตัว 1 ต่อ 1 ตลอดกระบวนการ ตั้งแต่การให้คำปรึกษาไปจนถึงการติดตามผลหลังผ่าตัด นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมพิเศษ เช่น การอบออกซิเจน และการฉายแสง LED ที่ช่วยลดอาการบวม
  • เน้นความปลอดภัยและบริการระดับพรีเมียม: SU:I มุ่งเน้นการรักษาความปลอดภัยเป็นอันดับแรก พร้อมมอบบริการในระดับพรีเมียม เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการทั้งผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมและประสบการณ์การรักษาที่มั่นใจ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

การดึงหน้าชั้น SMAS แตกต่างจากการดึงหน้าแบบทั่วไปอย่างไร?

การดึงหน้าชั้น SMAS จะแตกต่างอย่างชัดเจนจากการดึงหน้าแบบทั่วไปที่เน้นเพียงการดึงผิวหนังชั้นตื้น ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ไม่คงทนและดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่เทคนิค SMAS จะเป็นการเลาะและยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อที่ลึกกว่าผิวหนัง ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักที่รองรับใบหน้า 

การผ่าตัดใช้เวลานานแค่ไหน และต้องพักฟื้นนานเท่าไหร่?

การผ่าตัดดึงหน้าชั้น SMAS จะใช้เวลาประมาณ 3-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขอบเขตที่ทำการรักษา สำหรับการพักฟื้นนั้น รอยบวมและรอยช้ำส่วนใหญ่จะลดลงภายใน 2-4 สัปดาห์ และคนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ยังคงต้องระมัดระวังในการดูแลผิวบริเวณที่ผ่าตัด

การดึงหน้าชั้น SMAS เจ็บหรือไม่?

ในระหว่างการผ่าตัด คนไข้จะได้รับยาสลบ จึงไม่รู้สึกเจ็บปวดระหว่างทำ แต่หลังการผ่าตัด อาจมีอาการเจ็บปวด บวม และช้ำบ้าง ซึ่งเป็นอาการปกติ

ผลลัพธ์ของการดึงหน้าชั้น SMAS อยู่ได้นานแค่ไหน?

อยู่ได้ประมาณ 5-10 ปี เนื่องจากเป็นการแก้ไขปัญหาในชั้นโครงสร้างหลักของใบหน้า

สรุป

การดึงหน้าชั้น SMAS เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยอย่างจริงจัง เพราะเป็นการทำงานที่ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อและพังผืดใต้ผิวหนัง ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความเป็นธรรมชาติและคงทนยาวนานถึง 5-10 ปี ซึ่งยาวนานกว่าการดึงหน้าทั่วไป แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงและต้องใช้เวลาพักฟื้นนานขึ้น แต่ถือเป็นการลงทุนที่ให้ผลลัพธ์คุ้มค่าอย่างแท้จริง 

หากกำลังมองหาคลินิกที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง SU:I Plastic Surgery พร้อมมอบประสบการณ์การรักษาระดับพรีเมียม ด้วยทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกว่า 20 ปี และการดูแลแบบ 1:1 ตลอดกระบวนการ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุด


เอกสารอ้างอิง

1. Facelift (rhytidectomy). (2023.). แหล่งข้อมูล : https://www.nhs.uk/tests-and-treatments/cosmetic-procedures/cosmetic-surgery/facelift/ 

2. Facelift Surgery. (n.d.). แหล่งข้อมูล : https://www.plasticsurgery.org/cosmetic-procedures/facelift 

3. Facelift (Rhytidectomy). (n.d.). แหล่งข้อมูล : https://my.clevelandclinic.org/health/treatments/11023-facelift 

สาระน่ารู้เกี่ยวกับศัลยกรรมที่เกี่ยวข้อง